ดูดไขมันหน้าท้อง สิ่งที่สำคัญมากๆก็คือ ควรทำพร้อมกันทั้งท้องบน และท้องล่างเสมอ ถ้าต้องการให้สวยอย่าง perfect แนะนำให้ทำพร้อมกับบริเวณเอวและห่วงยางไปพร้อมกันด้วย ถึงได้ผลลัพธ์ที่ดีมาก เพราะการดูดแบบเหมาทั้งหมดจะทำให้เส้นรอบวง หรือที่เราเรียกว่ารอบเอว เล็กลงอย่างมาก และดูสวยเป็นธรรมชาติ
สารบัญ
- ดูดไขมันหน้าท้อง มีกี่แบบ
- ใครบ้างเหมาะกับการดูดแบบแบนราบ (แบบที่1)
- ใครบ้างเหมาะกับการดูดแบบปั้นร่อง 11 (แบบที่2)
- มีลูกแล้ว ทำได้หรือไม่
- หลังคลอด ต้องรอนานเท่าไหร่ ถึงทำได้
- มีแผลกี่จุด
- ภาวะที่ต้องเจอเป็นปกติหลังทำ
- ไขมันควรจะออกกี่ซีซี
- การดูแลหลังดูดไขมันหน้าท้อง
- ทำแล้วนานไหมกว่าจะเห็นผล
- สรุป
ดูดไขมันหน้าท้อง มีกี่แบบ
การดูดไขมันหน้าท้องในปัจจุบันผมแบ่งออกเป็น 2 วิธีหลัก คือ
-
การดูดให้หน้าท้องลีน แบนราบ
-
การดูดปั้นกล้ามท้อง ร่อง11
ซึ่งทั้งสองแบบจะใช้วิธีการและเทคนิคการดูดที่แตกต่างกันค่อนข้างมาก ดังนั้นในขั้นตอนการปรึกษาแพทย์ก่อนทำ คนไข้สามารถแจ้งกับแพทย์ได้โดยตรงว่าต้องการทำให้ออกมาในรูปแบบไหน เพราะแต่ละคนก็มีหุ่นในฝันที่ไม่เหมือนกัน

ดูดให้ลีน แบนราบ

ดูดปั้นกล้ามท้อง ร่อง 11
ใครบ้างเหมาะกับแบบลีน แบนราบ
การดูดไขมันหน้าท้องแบบลีน หรือให้แบนราบ สามารถทำได้ในคนไข้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็น ไซส์ S M L XL 2XL 3XL เพราะการดูดไขมันหน้าท้องแบบลีน คือการเอาไขมันออกให้ได้เยอะที่สุด และเอาออกให้เท่าๆกันในทุกบริเวณ
สำหรับเคสที่เป็นไซส์ XL ขึ้นไป ผมแนะนำให้ทำวิธีนี้ (ดูดแบบลีน) จะดีที่สุด เพราะคนที่เป็นไซส์ XL ขึ้นไป หากเราดูดแบบที่ 2 คือดูดแบบปั้นกล้ามท้อง ร่อง 11 หลังทำผลลัพธ์จะออกมาไม่เป็นธรรมชาติ และอาจจะมีไขมันหลงเหลือบริเวณหน้าท้องบนและล่าง ซึ่งอาจจะเป็นปัญหากวนใจคนไข้ในระยะยาวได้
ส่วนเคสที่เป็นไซส์ S M L สามารถเลือกได้นะครับ ว่าต้องการดูดไขมันแบบไหน จะทำแบบลีนก็ได้ ในกรณีบางคนที่ไม่ชอบให้ตัวเองดูมีกล้ามมากเกินไป หรือไม่ชอบมีร่อง 11 ส่วนในคนที่ต้องการดูมีกล้าม ดูมีร่อง 11 ก็สามารถดูดไขมันแบบปั้นกล้ามท้องได้เช่นกัน


ใครบ้างเหมาะกับการดูดร่อง 11
คนที่เหมาะกับการดูดไขมันหน้าท้อง แบบปั้นกล้าม หรือ ร่อง 11 คือ คนที่มีไขมันไม่เยอะมากจนเกินไป ซึ่งก็คือ size S M L ส่วนคนที่มีไขมันหน้าท้องเยอะเกินไป ซึ่งก็คือ size XL ขึ้นไป แนะนำให้ดูดไขมันหน้าท้องแบบลีน หรือ แบนราบมากกว่า
ทั้งนี้เนื่องจากหากเรามีไขมันเยอะเกินไปแล้วมาดูดเพื่อปั้นร่อง 11 ผลลัพธ์ที่ได้คือ อาจจะดูไม่เป็นธรรมชาติ ดูปลอมเกินไปนั้นเอง
อีกปัจจัยที่มีผลสำคัญเช่นกัน คือ ความกระชับของผิวหนังและกล้ามเนื้อหน้าท้อง หากเรามีผิวหนังและกล้ามเนื้อที่ตึง หรือ ไม่หย่อนเกินไปมาก ก็สามารถดูดปั้นร่อง 11 ได้ แต่หากเรามีผิวหนังที่หย่อนเกินไป ก็ไม่แนะนำให้ดูดปั้นร่อง 11 เช่นกัน เนื่องจากผลลัพธ์หลังทำอาจจะมีร่องที่ไม่ชัดมาก และดูไม่เป็นธรรมชาติ


มีลูกแล้ว ดูดไขมันหน้าท้อง ได้หรือไม่
ทำได้แน่นอนครับ เคสส่วนใหญ่ที่มาดูดไขมันหน้าท้องเป็นเคสที่เพิ่งคลอดลูกไป แล้วหลังคลอดต้องการวิธีที่ลดหน้าท้องได้อย่างรวดเร็ว การดูดไขมันหน้าท้องหลังคลอดจึงสามารถทำได้ และได้ผลดีด้วยครับ
หลังคลอดบุตร ต้องรอนานเท่าไหร่ ถึงมาดูดไขมันหน้าท้องได้
คำตอบผมขอแบ่งเป็น 2 กรณี นะครับ
- กรณีคลอดธรรมชาติ หรือคลอดเอง ถ้าเรารู้สึกว่าฟื้นตัวได้ดีแล้ว มีเวลาว่างบ้าง สามารถมาทำได้เลย โดยไม่ต้องรอ
- กรณีผ่าคลอด ในขั้นตอนของการผ่าตัดคลอด สูตินรีแพทย์จะต้องทำการผ่าลงไปในทุกชั้นของหน้าท้อง คือ ชั้นผิวหนัง ชั้นไขมัน ขั้นกล้ามเนื้อ ชั้นเนื้อเยื่อต่างๆ ดังนั้น ควรรอให้ครบ 3-6 เดือนก่อนเพื่อให้ชั้นต่างๆของหน้าท้อง ได้สมานและหายดีก่อน โดยในปัจจุบัน การผ่าคลอดมักจะเป็นแบบแนวขวาง แต่จะมีบางเคสที่ผ่าคลอดแบบแนวยาว ซึ่งไม่ว่าจะผ่าแนวไหน ก็สามารถทำการดูดไขมันหน้าท้องได้
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการผ่าคลอด คลิกเลย

ดูดไขมันหน้าท้อง มีแผลกี่จุด
ขอแบ่งเป็น 2 กรณีนะครับ
กรณีเคสตัวเล็ก ด้านหน้าเราจะลงแผลเพียงแค่ 3 จุดเท่านั้น โดย มี 2 จุดซ่อนไว้ใต้ขอบกางเกงใน และอีก 1 จุดซ่อนไว้เหนือสะดือ
กรณีเคสตัวใหญ่ หากต้องการดูดไขมันให้ออกเยอะที่สุด หรือดูดให้แบนราบไปเลย ในบางเคส ย้ำว่าบางเคสนะครับ อาจจะต้องมีการลงแผลที่ด้านบน (ใต้ราวนม) อีก 2 จุด เพื่อที่จะดูดเก็บไขมันในส่วนของหน้าท้องด้านบนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะลงแผล 3 จุด หรือ 5 จุด ด้วยเทคนิคการดูดไขมันขั้นสูง จะทำให้ทุกแผลอยู่ในร่มผ้าและตามรอยพับร่างกายทั้งหมด ทำให้หลังทำคนไข้จะไม่ต้องมากังวลเกี่ยวกับแผลเป็นเลยครับ

ภาวะที่ต้องเจอเป็นปกติหลัง ดูดไขมันหน้าท้อง
- บวมช้ำได้เป็นปกติ ซึ่งมักจะเป็นไม่เกิน 5-10 วัน และหายเองทั้งหมด
- เป็นก้อนไตใต้ขั้นผิวหนัง ส่วนใหญ่จะเป็นที่บริเวณท้องบน และเอวทั้งสองข้าง
- อาการชาเล็กน้อยที่บริเวณผิวหนัง
ภาวะดังกล่าวสามารถหายได้เอง 100% โดยไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติม
ดูดไขมันหน้าท้อง เอว ห่วงยาง ควรได้ปริมาณกี่ซีซี
ปริมาณไขมันที่จะดูดออกมา ไม่สามารถคาดเดาเป็นจำนวนที่แน่นนอนได้ เพราะแต่ละคนมีน้ำหนัก ส่วนสูงไม่เท่ากัน ถึงแม้บางคนมีน้ำหนัก ส่วนสูงเท่ากัน แต่ปริมาณไขมันที่ดูดออกมาได้ก็ไม่เท่ากัน ดังนั้นคนไข้ไม่ควรเอาปริมาณไขมันเป็นเกณฑ์ หรือเป็นตัวตัดสิน แต่ควรดูที่ผลลัพธ์หลังทำมากกว่า


การดูแลหลังดูดไขมันหน้าท้อง
- ใส่ชุดกระชับ 1 เดือนครึ่ง (โดยพยายามใส่ให้ได้เยอะที่สุด ถอดซัก ถอดพักบ้างได้)
- รับประทานยาฆ่าเชื้อตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
- ทำแผลทุกวัน วันละ 1 ครั้ง ตอนเย็นหลังอาบน้ำ (ห้ามให้แผลโดนน้ำจนกว่าจะตัดไหม) แนะนำให้ติดพลาสเตอร์กันน้ำตอนอาบน้ำ
- ทานยาแก้ปวดได้ หากมีอาการปวดมาก
- เว้นการยกของหนักๆ 2 สัปดาห์
ทำแล้วนานไหมกว่าจะเห็นผล
ดูดไขมันหน้าท้อง เอว ห่วงยาง เป็นบริเวณที่ผลลัพธ์จะเห็นช้าเร็วขึ้นอยู่กับบุคคล บางคนฟกช้ำง่าย ก็ต้องอาศัยเวลานานกว่าหน่อยกว่าจะฟื้นตัว บางคนฟื้นตัวเร็ว วันที่มาตัดไหม (7 วันหลังทำ) สวยแล้วก็มี แต่โดยส่วนใหญ่จะมีระยะเวลาเห็นผลดังนี้
- เริ่มเห็นผล ที่ 2 สัปดาห์
- เห็นผลชัดเจน 50-60% ที่ 1 เดือน
- เห็นผลชัดเจน 70-80% ที่ 2 เดือน
- เห็นผลเต็มที่ 100% ที่ 6 เดือน
ดูดไขมันหน้าท้อง ถ้าทำแล้วเห็นผลจริง 1 เดือนควรจะเห็นความเปลี่ยนแปลงแล้วครับ

สรุป
การดูดไขมันหน้าท้อง ถ้าเป็นไปได้ให้ทำทั้งท้องบน ท้องล่างพร้อมๆกัน และจะดีมากๆ หากทำพร้อมกับเอว และห่วงยางไปด้วย การดูดแบบเหมาเป็นการดูดไขมันแบบยุคใหม่ครับ เน้นลดไซส์ลงเยอะๆ สวยเป็นธรรมชาติ ดูไม่ปลอมครับ
โดยแต่ละคนจะเลือกการดูดแบบลีน หรือดูดแบบปั้นกล้ามท้อง ผมแนะนำให้แต่ละท่านลองดูรีวิวเยอะๆก่อนนะครับ แล้วมาตัดสินใจอีกครั้งว่าตัวเองชอบแบบไหนครับ ปัจจุบันการดูดแบบปั้นกล้ามท้อง หรือร่อง 11 มาแรงมากๆ แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะชอบนะครับ
Pingback: ร่อง 11 ปั้นได้ใน 7 วัน ด้วยการดูดไขมัน สร้างกล้ามท้องแบบมีมิติ